ประวัติความเป็นมา

ประวัติและความเป็นมาขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก

       ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประเทศไทยได้ส่งกำลังทหารเข้าร่วมทำการรบในสงครามมหาเอเซียบูรพา เมื่อสิ้นสุดสงครามทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรบถูกปลดประจำการโดยกระทันหัน ส่งผลให้ตัวทหารและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนในการครองชีพเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลในขณะนั้นซึ่งมี พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือ กระทรวงกลาโหมจึงได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาหาทางช่วยเหลือทหารกองหนุนขึ้น เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๙ โดยมีที่ทำการอยู่ในกรมเสนาธิการทหาร (ปัจจุบันคือ กองบัญชาการทหารสูงสุด) และใช้เจ้าหน้าที่ของกรมเสนาธิการเป็นผู้ปฏิบัติงาน สำหรับงบประมาณในการสงเคราะห์ ได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงกลาโหมจำนวนหนึ่ง ต่อมาเมื่อมีการขยายการสงเคราะห์เพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการพิจารณาว่าการดำเนินงาน ในรูปของคณะกรรมการจะขาดความรัดกุมและความเหมาะสม กระทรวงกลาโหมจึงได้เสนอเป็นพระราชบัญญัติ จัดตั้ง องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก หรือ ที่เรียกโดยย่อว่า “อผศ.” ขึ้นเป็นหน่วยงานถาวร เพื่อทำหน้าที่ ในการสงเคราะห์ทหารผ่านศึกโดยตรง พระราชบัญญัติฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๑ จึงนับเป็นวันแรกที่มีกฎหมายรองรับการจัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และการเป็นทหารผ่านศึก ดังนั้น วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ของทุกปี จึงถือว่าเป็นวันสถาปนาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และเป็น “วันทหารผ่านศึก”ในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ สภาทหารผ่านศึก สภากลาโหม และรัฐบาล ได้พิจารณาปรับปรุง พระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก โดยได้ขยายการสงเคราะห์ครอบคลุมไปถึงทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนและพลเรือน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ป้องกันหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือความปลอดภัยแห่งราชอาณาจักร ทั้งใน และนอกประเทศตามที่กระทรวงกลาโหมหรือสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด รวมทั้งทหารนอกประจำการด้วย และให้โอนกิจการของมูลนิธิ ช่วยเหลือทหารและครอบครัว ที่ไปช่วยสหประชาชาติทำการรบ ณ ประเทศเกาหลี มาอยู่ในองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกด้วย พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ เรียกว่า “พระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. ๒๕๑๐” ซึ่งเป็นฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน




ลำดับเหตุการณ์ที่น่าสนใจ


ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒

มี พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
พล.ท.จิรวิชิตสงคราม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พล.ท.จิรวิชิตสงคราม เป็นแม่ทัพพายัพ ใน พ.ศ.๒๔๕๘ - ๘๖)

 


๑๑ ก.ย. ๒๔๘๙
รมว.กห. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการชื่อว่า "คณะกรรมการ พิจารณาหาทางช่วยเหลือทหารกองหนุน" มี พล.ต.หลวงศรานุชิตเป็นประธานคณะกรรมการ โดยใช้สถานที่ของกรมเสนาธิการในกระทรวงกลาโหมเป็นสำนักงาน



ม.ค. ๒๔๙๑ - ม.ค. ๒๕๑๑
ทหารผ่านศึกและปริมาณงานการสงเคราะห์มีจำนวนมากขึ้นจึงย้ายสำนักงานไปอยู่บริเวณอาคารองค์การเชื้อเพลิง
ถนนหลักเมือง ฝั่งตรงข้ามของด้านข้างกระทรวงกลาโหม



๓ ก.พ.๒๔๙๑
จัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก โดยออกพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และประกาศในราชกิจจานุเบกษา



๑๓ เม.ย. ๒๔๙๑
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
รับ อผศ. เข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์



๑๗ มิ.ย. ๒๔๙๑
   ได้ตั้งสถานพยาบาล อผศ. ขึ้น ตามมติสภา ฯ ครั้งที่ ๒/๙๑



พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๒๔๙๔
สถานพยาบาล อผศ. ตั้งอยู่ ณ สำนักงาน อผศ.
ที่อาคารองค์การเชื้อเพลิง


พ.ศ. ๒๔๙๕ - ๒๔๙๗
ย้ายสถานพยาบาล อผศ. จากองค์การเชื้อเพลง และขยายที่ทำการไปอยู่กองพยาบาลศาลคดีเด็กและเยาวชน
ของกระทรวงยุติธรรม


พ.ศ. ๒๔๙๗ - ๒๕๐๕
ย้ายสถานพยาบาล อผศ. จากกองพยาบาลศาลคดีเด็กและเยาวชนมาอยู่ที่ชั้นล่างของ อผศ. ที่องค์การเชื้อเพลิง


๑๓ ก.พ. ๒๕๐๐
คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้วันที่ ๓ ก.พ. ของทุกปี
เป็นวันทหารผ่านศึก


๓ ก.ย. ๒๕๐๙
จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหม ได้วางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงาน
อผศ.ส่วนกลาง เป็นที่ของราชพัสดุ
มีเนื้อที่ ๕ ไร่ ๓ งาน ๓๓ ตารางวา
ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


พ.ศ. ๒๕๐๖ - ๒๕๑๐
ย้ายสถานพยาบาล อผศ. ที่องค์การเชื้อเพลิงมาอยู่
อาคารทหารผ่านศึก พิการทุพพลภาพ พญาไท ถนนราชวิถี เนื่องจากจำนวนผู้มาขอรับการสงเคราะห์มากขึ้น


พ.ศ. ๒๕๑๐
มีการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.องค์การสงคราะห์ทหารผ่านศึกเพื่อขยายการสงเคราะห์ให้ครอบคลุมไปถึง ทหาร ตำรวจข้าราชการพลเรือน และราษฎร ซึ่งได้กระทำหน้าที่ป้องกันหรือปราบปราม และรวมถึงทหารนอกประจำการที่มิได้ผ่านศึกมาด้วย กับทั้งได้รับเอามูลนิธิช่วยทหาร และครอบครัวที่ไปช่วยสหประชาชาติทำการรบ ณ ประเทศเกาหลี ให้รวมเข้าเป็นหน่วยเดียวกับ อผศ.


๒๘ ธ.ค. ๒๕๑๐
พ.ร.บ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ประกาศใช้
ในราชกิจจานุเบกษา เรียกว่า "พระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. ๒๕๑๐" ซึ่งเป็นฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน


พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๑๓
ย้ายสถานพยาบาล อผศ. จากอาคารทหารผ่านศึกพิการทุพพลภาพ พญาไท ถนนราชวิถี มาอยู่ที่ตึงเล็ก ๒ ชั้น ข้างทางเข้าอผศ.(ปัจจุบันอาคารนี้ได้รื้อถอน และทำการก่อสร้างใหม่เป็นอาคารเฉลิมพระเกียรติ) พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้ยกฐานะสถานปฐมพยาบาลขึ้นเป็นกองแพทย์ โดยรวมกิจการรักษาพยาบาล ฟื้นฟูบำบัดและการฝึกอาชีพทหารผ่านศึกพิการทุพพลภาพไว้ด้วยกัน


๑ ก.พ. ๒๕๑๑
จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ทำพิธีเปิดอาคารสำนักงาน อผศ. ส่วนกลาง


พ.ศ. ๒๕๑๓
กองแพทย์ ย้ายจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ มาอยู่ที่
ถนนวิภาวดีรังสิต ในการก่อสร้างมีอาคารเพียง ๗ หลัง


พ.ศ. ๒๕๑๔ และ พ.ศ. ๒๕๑๕
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุยเดช รัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใน ๓ ก.พ. ตามหนังสือกราบบังคมทูล ของ อผศ. และในทุกปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ไปประกอบพิธีวางพวงมาลาเป็นประจำ


พ.ศ. ๒๕๑๗
ได้ยกฐานนะกองแพทย์ขึ้นเป็นโรงพยาบาลทหารผ่านศึก


พ.ศ. ๒๕๒๘
ทำการก่อสร้าง อาคารเวชศาสตร์ฟื้นฟูและออร์โธปิดิคส์


พ.ศ. ๒๕๓๐
ทำการรื้อถอน อาคารอำนวยการเดิม ซึ่งได้ทำการสร้างเมื่อ
พ.ศ. ๒๕๑๒ (เนื่องจากอาคารเดิมทรุดตัว) และได้ก่อสร้างอาคารอำนวยการใหม่ แนบกับอาคารโรงพยาบาลเดิมขนาด ๖ ชั้น ปัจจุบันสามารถรับผู้ป่วยได้ ๓๐๐ เตียง


พ.ศ. ๒๕๓๑
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ครั้ง
ดำรงพระยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินเป็นผู้แทนพระองค์
ทรงประกอบพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ     

องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก

       องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เรียกโดยย่อว่า “อผศ.” จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. ๒๔๙๑ และปรับปรุงโดยพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. ๒๕๑๐ มีฐานะเป็นองค์การของรัฐเพื่อการกุศล และเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ได้รับเงินอุดหนุนของกระทรวงกลาโหม

{fullWidth}

แสดงความคิดเห็น (0)